วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การสร้างระบบ Hybrid กับ FOREX Robot

พอดีนึกขึ้นได้ถึงระบบหนึ่งที่ผมใช้ในการเทรด ถือว่าเป็นระบบที่ค่อนข้างให้กำไรสม่ำเสมอ ถึงแม้จะไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็ใช้ได้ดีครับ เพราะเราไม่ต้องนั่งเขียนโปรแกรมให้ยุ่งยาก เพียงแต่คอยติดตาม หุ่นยนต์ที่เราซื้อมาก็พอครับ หุ่นที่ผมใช้หลักๆสำหรับระบบนี้เป็น ชุด Scalper ไม่ว่าจะเป็น Megadroid, Megadroid Pro, Forex Scalpa และ Accu Scalper. จะเห็นว่าเป็น ชุดที่หลายคนบอกว่าขึ้นหิ้งไปแล้ว แต่สำหรับผมก็ยังใช้งานได้ครับ

วิธีก็ง่ายๆครับ ก็คือเราแค่จัดการเรื่องของ Lot ที่เข้าซื้อเท่านั้นครับ ก็คือว่า สมมติว่า เราเริ่มใช้หุ่นยนต์กับบัญชีเงินจริง เราก็เริ่มที่ Lot ต่ำสุดก่อน ถ้าหุ่นทำกำไร ก็ปล่อยไปเรื่อยๆ แต่ถ้าหุ่นยนต์เสีย เราก็เพิ่ม Lot ตามความเสี่ยงที่เรารับได้ สมมติว่าเรามีบัญชี Micro วงเงิน $1,000 เราก็เริ่มที่ 0.01 และ ถ้าห่นยนต์เสีย ก็เพิ่มเป็น 0.05 และ 0.1 ตามลำดับ พอเราเพิ่มก็รอจนกว่าหุ่นยนต์ทำกำไรให้มากกว่าที่เสียไป ก็เปลี่ยนกลับมาที่ 0.01 ใหม่ไปเรื่อยๆครับ แต่เราต้องคำนวณก่อนว่า เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำของหุ่นยนต์นั้นต้องอยู่ที่ระดับ 90% ขึ้นไป และต้องไม่เสียติดต่อกันเกิน 3 ครั้ง เพื่อเราจะได้เพิ่ม Lot ให้เหมาะสม และต้องวิเคราะห์ดูว่าเสียครั้งละเท่าไหร่ และได้กำไรครั้งละเท่าไหร่ เพื่อเราจะได้คำนวณ Lot ให้สามารถทำกำไรคืนได้เร็วที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงที่หุ่นจะเสียในช่วงที่เราเพิ่ม Lot

วิธีนี้จะช่วยคุมเราไม่ให้ เกิดความอยากเอาคืนเอง เพราะเรามีหุ่นยนต์คอยดูแลให้ครับ วิธีนี้สามารถใช้กับหุ่นยนต์แบบอื่นๆได้อีกนะครับ เพียงแต่ศึกษาหุ่นยนต์ให้เข้าใจ และ ก็นำเอา Money Management มาใช้ก็เรียบร้อยครับ

หลักการจริงๆก็คือ เมื่อหุ่นยนต์ผิด ก็หมายถึงว่า ความน่าจะเป็นที่หุ่นยนต์จะถูกก็มากขึ้น เมื่อเป็นแบบนั้นเราก็สามารถ Aggressive  ได้มากกขึ้นครับ

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ผลงานของ Robots ที่น่าสนใจ

พอดีได้นักวิเคราะห์ผลงานของ Robots ต่างๆที่ใช้นะครับ เลยเอามาให้ดู จะเห็นว่า Bullet Proof และ GPS Forex ทำกำไรได้ดีทีเดียวครับ ส่วนตัวอื่นๆ กลางๆครับ ยังไม่ค่อยประทับใจ ตอนนี้ผมตั้งให้ Bullet Proof ทำงานที่ Lots 0.09 ส่วน GPS Forex อยู่ที่ 0.20 บัญชี Live นี้มีเงินเริ่มต้น ที่ $3,000 หนึ่งเดือนทำกำไรได้ 18% ได้ $538


ส่วนอีก Account หนึ่งเป็น Demo นะครับดูดีนะครับ แต่เป็นการตั้งค่าแบบเสี่ยงพอควร และมี Bullet Proof High Voltage และ Aggressive อยู่ด้วยกัน ซึ่งก็มีโอกาสที่บัญชีจะโดนล้างได้ครับ ตอนนี้ได้กำไร 1 เดือน ได้ถึง 70% $1,692.87 จากเงินต้น $2,400 แต่ผมเชื่อว่าเนื่องมาจาก Spread ที่ต่ำของ Demo และก็ไม่มี Requote ทำให้การทำงานของ Scalper โดยเฉพาะ FAPTURBO ทำงานได้กำไรดีครับ ถ้าเป็น บัญชีจริงคงจะทำกำไรได้น้อยกว่านี้ 30-40% อย่างถ้าเทียบดูนะครับ บน Account Demo MD Pro ทำกำไรให้ $6.98 แต่บน Account จริง ขาดทุน $-0.5


สำหรับรายละเอียดของการซื้อขายนะครับ เข้าไปดู Demo Account นะครับ สามารถเข้าไปดูโดยใช
User_Id = 2457374, Password = investor123

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประสบการณ์จริงกับการใช้ Elliott Wave Principle

ช่วงนี้เห็นตลาดหุ้นบ้านเราแล้วก็เหนื่อยแทนครับ เพราะการปรับตัวครั้งนี้เป็นการปรับตัวแบบ Complex พอสมควรครับ สามารถมองได้หลายแบบ มาถึงตอนนี้ยังมีภาพที่เราจะมองได้สองถึงสามแบบเลยครับ ที่ผมเห็นตอนนี้นะครับ คือ SET ตอนนี้อาจทำ เวฟ 5 แบบเป็น Double Top ไปแล้ว ตอนนี้กำลัง Correction ซึ่งมีแนวโน้มไปถึง 900 ต้นๆ ได้เลยครับ ภาพที่สองคือ การทำ Correction เวฟ 4 เป็นแบบ Extended  Flat ซึ่งก็หมายความว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในไม่ช้า แต่ถ้าเป็นผมนะครับ ทางที่ดีสุดก็คือ รอดูเหตุการณ์ไปก่อน ยังไม่ต้องเข้าทำอะไรทั้งสิ้นเพราะ ยังไงยังมีจังหวะให้เข้าอีกหลายครั้งครับ อยู่เฉยๆไม่เหนื่อย แต่ถ้าใครอยากเข้าซื้อ ก็เข้าตอนประมาณ 930 หรือ 900 ต้นๆ ก็ยังพอได้ แต่ตั้งมีจุด Stop Loss นะครับ ถึง Stop Loss ก็ต้องออกมาก่อน ไว้ราคาตั้งฐานได้ค่อยเข้าใหม่

ที่เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า จากประสบการณ์นะครับ ไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์มือหนึ่งยังไงนะครับ การวิเครราะห์เป็นเพิยงการคาดการณ์ ตามรูปแบบที่มี ความน่าจะเป็นสูง ดังนั้นทุกๆการคาดการณ์มีโอกาสผิดได้ครับ สิ่งสำคัญก็คือ ต้องมีจุดหนีถ้าเราคาดการณ์ผิด ไม่ควรคิดว่า ต้องเป็นแบบนี้ชัวร์ และทุ่มเงินเข้าไปเยอะเกิน ที่เราจะเสี่ยงเสียแต่ละครั้งได้ เพราะถ้าจังหวะโชคไม่อยู่ เงินที่ลงก็จะไม่อยู่ด้วยครับ

อย่าง Robert Precther ยังเคยคาดการณ์ผิดเลย และเขาก็ยอมรับ เช่นตอนที่เขาคาดการณ์ว่า ถึงจุดสูงสุดของราคาคือ เวฟ 5 แล้ว ผลปรากฏว่าราคานั้นทำ Extended เวฟ 5 เลยกลายเป็นขายหมูไป สำหรับผมเองนะครับ ทุกครั้งที่วิเคราะห์ผมจะพยายามหาภาพที่เป็นไปได้ 2-3 ภาพ และก็วางแผนการเข้าออกตามนั้น เพราะหลายๆครั้ง ภาพ 2-3 ภาพ อาจจะให้จุดการเข้า และ Stop Loss ที่เหมือนกัน ซึ่งทำให้โอกาสที่เราจะถูกก็มาก และถ้าผิด เราก็สามารถตัดภาพที่ไม่ใช่ทิ้งไปได้หลายภาพเช่นกัน

แต่ยังไงก็ดีนะครับ การวิเคราะห์โดยใช้ Elliott Wave ยังถือว่าเป็นการวิเคราะห์ที่ให้ความแม่นยำสูงมากเมื่อเทียบกับการวิเคราะห์แบบอื่นๆ และสามารถใช้ได้กับทุก Time Frame หลายๆครั้งที่ผมใช้กับ Time Frame 1 นาที ภาพของ Elliott Wave ก็ออกมาให้เห็นเกือบทุกครั้งไปครับ ที่ไม่ออกมาให้เห็น ก็คือนับไม่ถูกนั่นเองครับ

และถ้าเราไม่สามารถอ่านภาพออก ทางที่ดีก็คอยให้ภาพค่อยๆเผยตัวออกมา แล้วเราค่อยวางแผนว่าจะเข้าหรืไม่เข้าอีกทีดีกว่า