วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พักผ่อนรับปีใหม่ ด้วยการทดสอบ Forex Bulletproof Package และ GPSForexRobot

สวัสดีครับ หายไปหลายวันพอดีช่วงนี้ตลาดค่อนข้างเงียบ เลยไม่ค่อยได้ดูมากเท่าไหร่ เลยเอาเวลาไปอ่านหนังสือ และก็ทดสอบระบบต่างๆครับ พอดีไม่กี่วันก่อน มีหุ่นยนต์ตัวใหม่ออกมาเลยได้เข้าไปทดสอบดูครับ น่าสนใจทีเดียว ตอนแรกมีหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า Leo Trader Pro ออกมา เขาว่าทดสอบบน Live Account 4 เดือนได้กำไรจาก ไม่กี่ร้อยเป็นสามพันกว่าเหรียญ ก็น่าสนใจแต่ดูจากรูปร่างหน้าตาของเวปที่เขาออกแบบ ดูแล้วน่าจะเป็นทีมเดียวกับ Forex Robot World Cup ที่พังไม่เป็นท่า เลยยังต้องติดตามกันต่อ เท่าที่ดูเขาใช้เทคนิคคล้ายกัน เพราะครั้งที่แล้วก็บอกว่าลองกับ Live Account 3 เดือน กำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พอเอาเข้าจริง สองอาทิตย์ถัดมาขาดทุนเกือบหมดพอร์ตเลยครับ ตอนนี้เขาเปลี่ยนชื่อเป็น International EA Competition แทน ตอนที่เขาประกาศใหม่ๆ เขาทำทีเป็นการแข่งขัน Forex Robot World Cup แข่ง  3 เดือน โดยได้รับ Sponsor จาก FXCM ดูดีมากเลยครับ ผลการแข่งขันก็ดูดีมีหุ่นยนต์หลายตัวที่ทำผลงานได้ดี เขาก็บอกว่าจะเอาตัวที่ชนะเลิศมาขาย เราก็ตื่นเต้นวันที่ออกขาย ก็รีบซื้อเลย เขาขายตั้ง $999 เราก็ไม่สนใจกลัวไม่ได้ซื้อ เขามีหุ่นยนต์ให้เกือบ 10 ตัว แถมมีโฆษณาว่าเขาเอาหุ่นยนต์ที่เข้าแข่งหลายๆตัวมารวมกันตั้งชื่อว่า Fusion ทำกำไรเดือนเดียวตั้ง 300% ผมก็ยิ่งตื่นเต้น ได้มาปุ๊บไม่ลอง เอาเข้า Live Account เลย อาทิตย์แรกได้ $800 คุ้มๆ พออีกอาทิตย์เดียว คืนหมดเลย ไม่นานเขาก็ปิดการขาย โดยบอกว่า สมาชิกเต็มแล้ว แต่ผมว่าโดนคนว่า และก็จะขอคืนเงินมากกว่าครับ  แต่จริงๆแล้วนะครับ หุ่นยนต์ที่เขาให้มามีดีอยู่หลายตัวเหมือนกัน แต่เราต้องใช้ให้เป็น ตัวที่เป็น Long Term ชื่อว่า Super Valcano ตอนนี้ทำกำไรดีมากเลยครับ ผมทดสอบบน Demo Account ที่ $10,000 สามเดือนได้กำไรกว่า 90% แต่มีตัวที่เป็น Scalper ชื่อว่า Hi Rider ได้ที่ 2 ดูเหมือนจะดี แต่หลังๆตลาดเหมือนรู้ทัน เลยทำกำไรไม่ดี ส่วนตัวที่ได้ที่ 1 ผลงานไม่ดีเลยครับ แต่รวมๆยังสามารถทำกำไรได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าระบบจะเป็นอย่างไรถ้าเราเข้าใจมันก็ใช้งานได้ครับ แต่สำหรับมือใหม่ก็ไม่แนะนำนะครับ เพราะยังไงตลาดก็เปลี่ยนแปลงบ่อยอยู่ดี

กลับมาที่ Leo Trader Pro กันดีกว่า อันนี้ดูดีนะครับ แต่เท่าที่ดูแล้วก็ไม่มั่นใจอยู่ดีเพราะดูเหมือนว่าหุ่นยนต์ตัวนี้ต้องรอสัญญาณจาก Server คนขาย และ Trader วันละครั้งสองครั้งเท่านั้น จึงไม่น่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถซื้อขายได้ด้วยตัวเอง แบบนี้บางที่เขาก็ถือว่าเป็น Scam โกงกันอยู่ดีครับ แต่ผลงานที่เห็นพอใช้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลองครับ

มาอีกตัวดีกว่า GPSForexRobot อันนี้เป็นของคุณ Mark Larsen ผมค่อนข้างเชื่อถือเขานะครับ และหุ่นยนต์ที่ผมเขียนเองก็พัฒนามาจาก เวปช่วยเขียนหุ่นยนต์ของเขา ผมก็เลยถือว่าซื้อสินค้าเขาเป็นการตอบแทน และดูแล้วเขาก็น่าสนใจ เพราะเขาทดสอบกับระบบมาเกือนปีด้วยเงินจริง  ผมก็เลยไม่รีรอ ดูแล้วหลักการก็คล้าย Scalper ตัวอื่นๆนครับ เช่น Forex Megadroid ซึ่งซื้อขายช่วงเกือบเช้าของบ้านเรา เพราะเป็นช่วงที่ตลาดค่อนข้างเงียบ ไม่ผันผวน และก็เป็นจังหวะการเปลี่ยนตลาดพอดี ดูแล้วน่าสนใจครับ ผมก็ได้ลองกับ Live Account มาได้พักนึงก็ดูดีนะครับ กำไรค่อนข้างคงที่ แต่ต้องลองไปอีกสักเดือนแล้วจะมาเล่าผลงานให้ฟังครับ

ส่วนอีกตัวก็คือ Forex Bulletproof อันนี้เป็นทีมเดียวกับ FAP Turbo ก็ถือว่าเป็นหุ่นยนต์ที่ดูดีครับ หุ่นยนต์ตัวนี้ซื้อขายไม่บ่อยครับ ใช้ Martingle Strategy แต่เลือกเวลาเข้าที่ค่อนข้างปลอดภัยก็ถือว่าดีครับ แต่อีกชุดก็คือ Forex Bulletproof High Voltage และ Aggressive มาลอง อันนี้หลักการน่าจะแบบเดียวกันแต่เข้าซื้อขายบ่อยกว่า ซึ่งทำให้กำไรดีมาก แต่ก็เสียงมากเช่นกันครับ อันนี้ผมแนะนำให้ใช้กับ บัญชีต่างหากครับ และก็ใช้กับกำไรที่ได้มาเท่านั้นเพราะถ้าจังหวะดีก็ได้เป็นสองเท่า จังหวะไม่ดีก็เสมอตัวครับ สุดท้ายก็คือ Market Dominator ก็คือ Manual Signal เป็นสัญญาณการเข้าซื้อขาย โดยเราต้องเลือกจังหวะเข้าเอง ไว้จะมาเล่าให้ฟังในรายละเอียดนะครับ

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Emotions and Probabilities (การบริหารความเสี่ยง)

เช้านี้้ตื่นมาเข้าไปดูพอร์ต ปรากฏว่า Position ที่ตั้งไว้เมื่อวานทำงานแล้ว ได้กำไรอยู่ 500$ เลยปิด Position ทันทีเลย ตามระบบ เห็นกำไรต้องออก ถ้าไม่เห็นก็ให้ Target ทำงานไป แต่ส่วนใหญ่นะครับเท่าที่บันทึกข้อมูลมา เปอร์เซ็นต์ที่ออกแล้วรอดจากขาดทุน กับออกแล้วขายหมู พอๆกันครับ แน่รอดขาดทุนจะเยอะกว่าเพราะตอนที่ออก เราได้วิเคราะห์ความน่าจะเป็นก่อนทุกครั้งก็ช่วยได้บ้าง แต่ที่สำคัญก็คือ พยายามอย่าให้ กำไรเป็นขาดทุน ที่เคยอ่านๆมาเขาว่า เราจะไม่มีทางเจ๋งจากการที่เราขายหมู แต่เราจะเจ๋งถ้าเราไม่ Stop Loss

วันนี้เลยอยากบันทึกเนื้อหาเก่าๆที่เคยอ่านมาเกี่ยวกับ การบริหารความเสี่ยง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง Emotions and Probabilities ทั้งนั้นครับ

ว่ากันว่าการเทรดนั้นมักจะทำให้มือใหม่รู้สึกตื่นเต้น เหมือนดูหนังบู๊ล้างผลาญ หรือไม่ก็ันั่งรถไฟเหาะ ซึ่งความรู้สึกตื่นเต้นนั้นหลักๆก็มาจาก ความโลภ และก็ความกลัวนั่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ละครับจะทำลายพอร์ตของมือใหม่อยู่ตลอดเวลา มือใหม่ที่ตื่นเต้นกับกำไร ก็เหมือนกับ ทนายที่นั่งนับเงินขณะที่นั่งว่าความอยู่ในศาล หรือ มือใหม่ที่เศร้ากับขาดทุนก็เหมือนกับ หมอที่เป็นลมเมื่อเห็นเลือดของผู้ป่วย

เป้าหมายหลักของพวกเรา นักเทรดที่ประสบความสำเร็จก็คือ  ต้องดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวเราออกมาให้ได้ (Reach personal best) เช่นจะต้องเป็น หมอที่ดีที่สุด หรือ ทนายที่เก่งที่สุด  แล้วเงินจะตามมาเองถ้าเราคิดแบบนี้ได้ คือถ้าเราทำเหตุให้ดี ผลที่ดีก็จะตามมาเอง ดังนั้นเราต้องมุ่งมั่นที่จะเทรดให้ถูก ไม่ใช่เทรดให้ได้เงิน เพราะถ้าเทรดให้ถูก หรือเป็นระบบแล้ว เงินก็จะตามมาเอง แต่ถ้าเราเทรดให้ได้เงิน แต่ผิดระบบ เงินที่ได้มาไม่นานก็ไป

ปัญหาหลักๆที่มือใหม่ต้องหัด ก็คือ การ Stop Loss ตามระบบ หรือให้เร็ว ส่วนใหญ่มือใหม่มักจะถือ Position ที่ขาดทุนได้นาน แต่ปิด Position ที่กำไรได้ไว ซึ่งผลก็คือ ขาดทุนไม่กี่ครั้งเงินก็หมดพอร์ต

เคยมีการทดลองกันครับ โดยให้เราเลือกว่า จะเอาเสี่ยงกับโอกาส 75% ที่จะได้ $1,000 หรือ เอา $700 ที่ได้แน่ๆเลย 4 ใน 5 คนเลือก $700 กับอีกกรณีคือ จะเสียแน่นอนเลย $700 หรือจะเสี่ยงกับโอกาส 75% ที่จะเสีย $1000 หรือไม่เสียเลย 3 ใน 4 เลือกเสี่ยง จะเห็นว่าพวกเราส่วนใหญ่มักจะยอมเสี่ยงเพิ่มเพื่อจะไม่เสีย ซึ่งอันนี้ละครับเป็นการ Maximize losses เพิ่มโอกาสการเสียให้มากขึ้น และในความเป็นจริงเรามักจะเสียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าเราลองไปดูผลงานเก่าๆของเราจะเห็นว่า ผลขาดทุนหลักๆส่วนใหญ่มักจะมาจากการเสียเยอะๆ ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง

ผมขอสรุปหัวข้อหลักๆที่เราควรจดจำ และทำความเข้าใจไว้นะครับ ส่วนรายละเีอียดจะพยายามมาบันทึกให้ต่อไป


  1. ทำความเข้าใจเสี่ยใหม่ว่า การเทรดก็คือเรื่องของ ความน่าจะเป็น Probability
  2. Money Management สำคัญมากๆ โดยเน้นที่ว่า
    1. Survival First
    2. Get Rick Slowly
    3. How much to Risk
    4. Martingale Systems
    5. Reinvesting Profits
  3. การปิด Positions ตามระบบ
    1. Quality before money
    2. Setting Stops
  4. ต้องทำอย่างไรหลังจากการเทรด
สิ่งเหล่านี้นะครับต้องทำความเข้าใจและควรที่จะซึมซับเข้าไปเป็นความรู้สึกของเราตลอดเวลา แล้วความสำเร็จก็จะมาหาเราเองครับ 

เนื้อหาหลักๆนี้รายละเีอียดสามารถหาอ่านได้จากหนังสือ Trading for a living ของ Dr. Alexander Elder นะครับ ถ้าท่านใดอยากได้ Pdf ไฟล์สามารถส่ง email มาหาผมได้นะครับจะส่งไปให้ที่ leowhite456@gmail.com

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ข้อคิดจาก Trading Guru

ไปเชียงใหม่งวดนี้ได้ไปเจอร้าน XEROX ใจดีร้านหนึ่ง เขามีบริการพิมพ์เอกสารจากคอมพิวเตอร์ ราคาแค่ 30 ส.ต. ที่สำคัญเครื่องเขาเร็วมาเลยครับ เลยได้มีโอกาสพิมพ์ eBook ต่างๆที่มีอยู่มาหลายเล่มเลยครับ เลยได้นั่งอ่านเต็มๆสักที แต่พออ่านไปอ่านมา หลักการก็คล้ายๆกันครับ Guru ทุกๆคนเน้นเรื่องเดียวกันหมดครับ แต่ที่เขาเน้นและบอกว่าสำคัญมากๆก็คือ ตัวเราเองนี้ละครับ มักจะทำให้ระบบเราเองเสีย หรือมักจะเปลี่ยนการ Trade เป็น Gambling คือเปลี่ยนจากการซื้อขายให้เป็นการพนันไป ซึ่งมีได้มีเสีย แต่สุดท้ายก็เสียหมดครับ

เลยอยากเขียนมาเป็นข้อคิดครับว่า เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ มีได้ก็มีเสีย ได้มากก็เสียมาก ได้น้อยก็เสียน้อย ได้น้อยได้นานๆ ได้มากได้เร็วเสียมากก็เสียเร็วนะครับ พยายามนะครับท่านที่พึ่งเข้ามารู้จักกับตลาดนี้ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป สำคัญที่สุดป้องกันเงินของเราให้เหมือนกับเราต้องดูแลสาย Oxygen ตอนเราดำน้ำ ถ้าเงินหมด เราก็ไม่สามารถเทรดได้เลยนะครับ

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Hide Away Day 3 Part 2 - เที่ยวไป เทรดไป

สวัสดีครับ วันนี้อากาศดีมากๆ ได้ข่าวว่ากรุงเทพก็หนาวเหมือนกัน ตอนเช้านั่งดูกราฟเกือบเที่ยงก็ออกไปทานข้าวดีกว่า ที่เชียงใหม่ครับ มาที่นี่ต้องไปลองอาหารพื้นเมืองที่ร้าน เฮือนเพ็ญ กัน วันนี้ไปที่สาขาสองครับ อาหารประจำผมก็คือ ข้าวซอยไก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว และก็ข้าวเหนียว ไก่ทอด

ร้านสาขาแรกอยู่ใกล้ๆวัดพระสิงห์ครับ ส่วนสาขาสองอยู่แยกเชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี อร่อยทั้งสองร้านเลยครับ มีโอกาสมาอย่าลืมมาชิมนะครับ

ทานเสร็จก็ขับเข้าเมือง เอไปไหนดีนะเนี่ย พอดีเห็นป้ายงาน เชียงใหม่ Super Car Show เลยแวะไปดูซะหน่อยดีกว่า
น่าจะมีรถสวยๆให้ดูหลายๆครับ ปรากฏว่าไปถึง ไม่แน่ใจว่างานเพิ่งวันแรกหรืออย่างไร ไม่ค่อยมีรถเลยครับ มีเด่นสุดก็คือ Ferrari California ส่วนอย่างอื่นๆก็ทั่วไปๆครับ แต่ที่ชอบคืออากาศหนาวกำลังดีเลย เหมือนอยู่เมืองนอกเลยครับ




เสร็จแล้วก็เดินเล่นแถวๆนั้นครับ ได้แวะไปซื้อซิม 3G ของ AIS มาลองด้วยครับเร็วใช้ได้เลยครับ แต่เสียอย่างเดียวเขาคิดเป็นจำนวนข้อมูล ไม่ใช่เป็นชั่วโมง เลยคิิดว่าใช่ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ครับ ตอนที่ลองดูก็ดูค่าเงิน EURUSD แล้วดูเหมือนเริ่มจะมีแรงเข้ามา สงสัยจะเริ่มเวฟ 3 ขาลงแล้วแน่ๆเลยครับ กลยุทธ์ที่ผมใช้ตอนนี้เป็น Counter Trend Scalping ก็ดูเริ่มจะมีความเสี่ยงมากขึ้น ผมก็เลยเพิ่มระยะการเข้าออกให้ห่างขึ้น ปรากฏว่าใช่จริงๆครับ ยูโรลงแรงมาก ผมเองก็ไม่ได้ตามข่าวด้วยว่าเพราะอะไร ช่วงนี้ดูจากกราฟอย่างเดียว การเข้าวันนี้ก็เข้าเป็น Step ไปครับ แต่มีการ Manage Lots ให้สามารถ Recover ได้ทันด้วยครับ ไปๆมาๆ ได้ประมาณ $200 วันนี้เทรดโดยใช้เจ้า HTC HD2 ช่วยครับ จอเขา 4.3 นิ้วใหญ่พอที่จะเห็นกราฟเลยครับ จริงๆถ้าได้แบบ iPad ที่เป็น Windows 7 คงจะสบายเลย แต่แค่นี้ก็พอไหว แต่จะยากหน่อยตอนที่จะหาจุดกลับตัว เพราะต้องแม่นพอควรที่จะเข้าซื้อ เพราะถ้าจะ Scalping ก็ต้องเข้าเร็วออกเร็ว วันนี้ผมก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นเล่นระยะสั้นมากกว่า Scalping ครับ แต่เล่นแบบนี้ก็ต้องเพื่อการ Draw Down และก็ต้องเตรียมขาดทุนในบาง Positions ด้วยครับ

ผมยังไงก็ยังยืนยันนะครับ ว่าถ้าใครสามารถเข้าใจระบบ สามารถเทรดอะไรก็ได้ เพื่อเป็นงานประจำได้เลย แต่ต้องใช้เวลา และความอดทนพอควรนะครับกว่าจะได้ อย่าไปเชื่อที่เขาโฆษณากันนะครับ วันเดียว นาทีเดียวได้เป็นแสนๆ เพราะถ้าคุณเล่นในระยะยาว แบบที่เขาเล่น คุณก็จะต้องเสียวินาทีเป็นแสนๆเช่นกันครับ เกมส์การเทรดไม่ใช่เป็นกำไรต่อครั้ง แต่เป็นผลรวมของกำไร

พอเดินเล่นเสร็จ ขึ้นดอยสุเทพดีกว่าครับ ผมมาเชียงใหม่ทุกครั้งต้องขึ้นไปไหว้พระธาตุ มีโอกาสก็ทำวัดเย็นไปด้วยครับ สงบดีมากครับ เหมือนขึ้นไปพักกาย และใจ หมอกกำลังดีเลยครับ




อยู่จนเกือบหกโมงก็ลงมา แวะทานมื้อเย็นแถว มช. ครับ ขอเป็นเด็กสักวัน เสร็จแล้วก็กลับที่พักครับ ช่วงค่ำๆนี้ละครับ ยูโรลงแรงจริงๆครับ เริ่มจะคอนเฟิร์ม เวฟ 3 แล้วเห็นทีต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การเล่นแล้วครับ เพราะถ้าเวฟ 3 ต้องถือให้นานหน่อย จะได้กำไรดีครับ เริ่มง่วงแล้วครับ ไปนอนก่อนดีกว่า


วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Hide Away Day 3 - หากเปรียบธรรมะ กับ FOREX

ตื่นมาวันนี้ นั่งดูหุ่นยนต์ซื้อขายให้เราครับ มี Megadroid, AccuScalper, Scalpa และก็ PipsLaser ชุดนี้เป็นของทีม Megadroid ทั้งหมด เป็นหุ่นยนต์ Scalper ที่ซื้อขายประมาณวันละครั้งครับ ช่วงตี 5 ถึง 7 โมงได้ ความแม่นยำค่อนข้างดีครับ วันนี้ Megadroid ขาดทุน AccuScalper กับ Pipslaser ได้กำไรรวมแล้วก็ได้กำไรประมาณร้อยกว่าเหรียญได้ครับ ถือว่ามีหุ่นยนต์เป็นผู้่ช่วยครับ

จากนั้นก็ได้มีโอกาสอ่านพระอภิธรรมมัตถสังคหะ เล่มที่ 8 เป็นเล่มที่น่าสนใจมากๆเลยครับ บางท่านอาจจะสงสัยว่า พระอภิธรรมมัตถสังคหะคืออะไร นะครับ จริงๆแล้วก็คือ เป็นการเรียบเรียง และย่อส่วนของพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ จากพระอภิธรรมปิฏก ในพระไตรปิฏกครับ เพราะถ้าเราอ่านจากพระไตรปิฏกเลยจะเข้าใจยากมากครับ แล้วหนังสือชุดนี้อ่านแล้วได้อะไร ความเห็นส่่วนตัวนะครับ หนังสือเล่มนี้เหมือน คัมภีร์เทวดาครับ เป็นหนังสือที่บอกความเป็นจริงของมนุษย์ ของโลกเรา ของจักรวาลทั้งหมดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เราเกิดมาได้อย่างไร เราตายแล้วไปไหน เข้าใจถึงกรรมเก่าของเราโดยไม่ต้องไปสแกนกรรมเลย นั่งสมาธิแล้วได้อะไร นั่งวิปัสสนาแล้วได้อะไร และที่สำคัญหนังสือเล่มนี้จะบอกถึง วิธีแก้ทุกข์ที่ยั่งยืนที่สุดเลยครับ มีโอกาสหามาอ่านกันนะครับ

ที่อยากจะมาเล่าให้ฟังก็คือ เล่มที่ 8 นี้นะครับถือว่าเป็นหัวใจเลยครับ มีอาจารย์ท่านบอกเอาไว้ว่า เล่มนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก และถ้าพระพุทธศาสนาของเราเสื่อมลง เล่มนี้จะหายไปเป็นอันดับแรกเลยครับ เพราะน้อยคนที่รู้ และเข้าใจ ผมขออนุญาติมาเล่าให้ฟังคร่าวๆนะครับ อ่านเป็นแนวทางเล่นๆนะครับ เพื่อท่านสนใจจะได้ไปอ่านกันดู และเอาไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของท่านกันต่อไป

ที่ผมอยากจะเล่าก็คือเรื่องของ ที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆในโลก หลักๆก็คือเราเกิดมาได้ยังไงนั่นแหละครับ แล้วค่อยไปเปรียบกับ FOREX กันดู

สิ่งต่างๆที่มีอยู่นะครับ ล้วนแล้วแต่มี เหตุ และ ผล คือ มีปัจจัย และ ผลที่เกิดจากปัจจัยนั้นๆ เช่น เราหิวน้ำ ผลก็คือเราก็มองหาน้ำดื่ม มีพ่อมีแม่ ก็ต้องมีลูก

คราวนี้เรามาดูเหตุที่หนังสือสรุปมาให้นะครับ มีดังนี้ครับ

อวิชา (ความไม่รู้) เป็นเหตุให้เกิด สังขาร (เจตนา หรือ แรงผลักดัน) เป็นเหตุให้เกิด วิญญาณ (อารมณ์ต่างๆ) เป็นเหตุให้เกิด นามรูป (การน้อมไปสู่อารมณ์) เป็นเหตุให้เกิด สฬายตนะ (ส่งต่อไปยังทวาร ทั้ง 6)เป็นเหตุให้เกิด ผัสสะ (การรับกระทบในอารมณ์ต่างๆ) เป็นเหตุให้เกิด เวทนา (ความรู้สึก)  เป็นเหตุให้เกิด ตัณหา (ความอยาก) เป็นเหตุให้เกิด อุปาทาน (การยึดเอาไว้) เป็นเหตุให้เกิด ภพ (กรรม) เป็นเหตุให้เกิด ชาติ (เกิดใหม่)  เป็นเหตุให้เกิด ชรา (เสื่อม)  มรณะ (สูญหายไป)

จริงๆมีต่ออีกหน่อยนะครับ แต่เอาหลักๆเท่านี้มาให้ดูกัน

จะเห็นนะครับว่าทุกอย่างเริ่มจาก ความไม่รู้ และด้วยความไม่รู้นี่แหละครับ ผลักดันให้เกิดสิ่งต่างๆ ไปเรื่อยๆจนและก็หายไป และก็เกิดใหม่อีกไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

ความไม่รู้ในความจริงของชีวิต ทำให้คนเรามีเจตนาที่ต่างๆกันไป บางคนเกิดมาคิดว่าโกงเขาแล้วรวยแล้วดี ก็เกิดเจตนาที่จะโกง ส่งผลให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ความคิดต่างๆที่จะโกง และก็ด้วยความที่จะโกงเขาก็แสดงออกทาง การพูด ท่าทาง และพอโกงเขาแล้วได้เงิน ได้ทอง ก็มีความรู้สึกชอบใจ และยึดติดในอารมณ์นั้นๆเอาไว้ ทำให้เกิดความอยากโกงไปเรื่อยๆ และเมื่อโกงครั้งที่หนึ่งจบ ก็ย้อนกลับไปเริ่มต้นวงจรใหม่ ถ้ามองเลยไปถึงเมื่อเสียชีวิตไป เกิดมาใหม่ก็จะมีความคิดแบบเดียวกัน และก็โกงใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

คนทำความดีก็เหมือนกัน เกิดจากความคิด อารมณ์ที่อยากทำความดี ทำแล้วมีความสุข ก็ทำไปเรื่อยๆ พอเสียชีวิตไปเกิดใหม่ก็ทำความดีใหม่ๆไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน

ซึ่งวงจรเหล่านี้มีนับไม่ถ้วน ซ้อนๆกันอยู่ในตัวเรา รอบๆตัวเรา ซึ่งวงจรเหล่านี้จะดึงดูด ผูกติดให้เราต้องมาเกิดใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด หรือ ที่เราเรียกกันว่า วัฏฏะสงสาร นั้นเองครับ

แล้วเราจะทำลายวงจรเหล่านี้ได้อย่างไร แล้วทำลายได้แล้วเป็นอย่างไร คำตอบก็คือ จะทำลายได้ก็ต้องทำลายที่เหตุ ก็คือ ทำลาย อวิชชา หรือ ความไม่รู้นี่แหละครับ เราต้องเข้าถึงความจริง จริงๆ ที่มีอยู่จริง เมื่อเราเข้าใจแล้ว ก็ไม่เกิดอวิชชา พอไม่มีอวิชชา ก็ไม่มีสิ่งที่ตามมา ก็ไม่มีการเกิด การแก่ การตาย ผลที่ได้ก็คือ ความหลุดพ้นนั่นเองครับ นิพพาน ไงครับ

แล้วการที่เราจะทำลาย อวิชชา ทำอย่างไร ก็คือ การศึกษา พระอภิธรรม และปฏิบัติ วิปัสสนาไงครับ ทุกสิ่งมีให้พร้อมแล้ว อยู่แค่เอื้อมเพียงแค่ว่าเราจะคว้ามันไว้หรือไม่ ไว้มีโอกาสเรามาคุยกันต่อนะครับ คราวนี้มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า แล้ววงจรนี้ไปเกี่ยวกับการเทรด FOREX ยังไง

มาลองดูกันนะครับ

ความไม่่รู้ ก็ทำให้เราคิดว่าเราจะรวยทางลัดกับ FOREX แล้ว ก็ทำให้เกิดความคิด ความอยากรวยเร็ว ส่งผมให้เข้าซื้อขายแบบเสี่ยง Overleverage พอได้เงินครั้งแรกเยอะๆ ความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจก็เก็บไว้ เราก็ยึดความรู้สึกนั้นๆเอาไว้ และก็ทำอีก พอเสียไป ก็เริ่มทำใหม่ด้วยความที่เรายึดในความอยากที่จะได้เงินเร็ว สุดท้ายก็เป็นวงจรที่เราต้องเสียเงินให้กับตลาดไปเรื่อยๆ เราก็ต้องเจอกับความ โศก ความคับแค้นใจ ความทุกข์ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด การที่จะหลดจากวงจรนี้ ทำได้ก็คือไม่ เลิกเทรด ก็ทำลาย อวิชชาในการเทรดทิ้งไป



ถ้าเรายังอยากที่จะเทรดอยู่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือทำลาย อวิชชา ที่อยากจะรวยทางลัดให้ได้ โดยการศึกษา หาความรู้จากประสบการณ์ของท่านที่เคยผ่านด่านนี้มาก่อน และก็พยายามฝึกฝน ทำความรู้สึกให้ตรงกับความเป็นจริงที่ว่า FOREX ก็คือเกมส์ของความน่าจะเป็น ไม่มีอะไรตายตัว การจะได้กำไรต้องทำเป็นระบบ โดยใช้ระบบที่เป็นความน่าจะเป็นที่จะถูกสูงกว่าผิด และก็มีการบริหารจัดการเงิน จัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม และเมื่อเราเข้าถึงความจริง ด้วยการฝึกฝน เราก็จะหลุดพ้นจากวงจรขาดทุน เข้าสู่วงจรกำไร และเราก็จะสามารถทำกำไรไปเรื่อยๆ

เรามาลองสรุปกันนะครับ

อวิชชา สังขาร ก็คือ การศึกษาหาความรุ้ การสร้างระบบต่างๆ การทำความรู้สึกให้ตรงกับความจริง

วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปปาทาน ภพ ชาติ การฝึกฝน และเผชิญหน้าด้านจิตวิทยา

ชรา มรณะ สิ่งที่จะตามมาในอนาคต

จะเห็นนะครับว่า จิตวิทยา หรือ อารมณ์ ความรู้สึกเป็นปัจจัยสำคัญมากๆที่สุด ในการที่เราจะประสบความสำเร็จในการเทรด FOREX จริงๆแล้วในทุกๆอย่างเลยครับ

เรามาพยายามสร้างเหตุและปัจจัยให้ถูกต้องทั้งทาง โลก และทางธรรม กันนะครับ แล้วชีวิตของเราจะพบกับความพอดี ที่ไม่ทุกข์ (ทุกข์น้อย) นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Hide Away Day 2 - วันฟ้าใส กับประสบการณ์ FOREX ที่ต้องจำให้ขึ้นใจ

ตื่นเช้ามายังเบลอๆ นึกว่านอนอยู่ที่บ้าน มองไปเอทำไมทางเชื่อมระหว่างห้องของผมมันทีบๆละ อ้อเราอยู่ที่เชียงใหม่นี่นา อากาศดีมากครับอุณหภูมิประมาณ 20 องศา

เข้าไปดูกราฟสักหน่อยดีกว่า ค่าเงินยูโรเมื่อคืนปรับตัวลงน่าจะกำลังทำให้ครบ 5 เวฟ เดี๋ยวคงมี Correction และก็อาจจะลงต่อ ดูแล้วตลาดเขาพยายามพัฒนาตัวเขาให้ชนะเราให้ได้ครับ จะเห็นว่าหลายๆอย่างจะเกิดภาพเหมือนจะ เหมือนจะ และก็เปลี่ยนทางอย่างที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัวครับ

วันนี้ฟ้าใส มารื้อฟื้นความหลังที่ต้องจำให้ขึ้นใจครับ ความหลังที่เสียเงินให้ตลาดนี่แหละครับ

ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ครับ ตอนนั้นจำได้ว่าเคยไปสัมภาษณ์กิจกรรม นักลงทุนรุ่นเยาว์ เขาถามว่ามองตัวเองยังไงบ้าง ผมก็ตอบไปอย่างไม่ได้คิดเลยครับ ว่ากิจกรรมนี้เขาต้องการสร้างนักธุรกิจ ที่ลงทุนเป็นกิจจะลักษณะ "ผมอยากเล่นหุ้นครับ" สุดท้ายก็ไม่ได้ร่วมโครงการ

ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนนี้ยังงงๆ อยู่เลยครับว่า แล้วมาสนใจ FOREX นี้ได้ยังไงเหมือนกัน แต่ที่รู้ๆ เล่นหุ้นครั้งแรกก็ตอนหุ้นบ้านเรากำลังวิ่งจากหลักพัน ถึงหลักร้อยครับ จำแม่นเลยครับ
ซื้อตัวแรกคือ SCC ซื้อเช้าขายบ่ายได้กำไรเนอะๆ พอหลังจากนั้นอีกสองเดือน ขาดทุนหกหมื่นกว่าบาท แถม มีหุ้น FIN1 ที่กลายเป็นกระดาษด้วยครับ เลิกไปพักหนึ่งเลยครับ พยายามอ่านโน้น อ่านนี่นะครับ ไม่เป็นระบบ ไม่ค่อยได้เรื่อง หลังจากนั้นอีกพักหนึ่งก็เอาใหม่ก็ไม่เวิร์ค ยังนึกไม่ออกเหมือนกันครับว่าทำไมถึงมาเล่น FOREX ได้ แต่ก็เหมือนกับเราต้องจ่ายเงินค่าเล่นรายเดือนไปเรื่อยๆครับ เพราะเดือนนึงพอเสียจนเกือบหมดก็เอาเงินเข้าอีกไปเรื่อยๆ อยู่หลายปีครับเสียไปหลายแสนอยู่ ผมก็ถือว่าเสียไปหาประสบการณ์ดีกว่า ไปเสียค่าเรียนเป็นแสนๆ และต้องมาเสียให้ตลาดอีก ก็โชคดีครับที่ผมเสียที ก็ได้ความรู้เพิ่มที จนสุดท้ายมาอ่าน Elliott Wave Principle นี่แหละครับตาสว่างเลย เหมือนหา Jigsaw ตัวใหญ่เจอ ก็เริ่มมีกำไรครับ แต่ก็ขาดทุน กำไร กำไร ขาดทุนเรื่อยๆครับ แต่รวมๆแล้วเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะต้องเสียค่าเล่น เป็นเขาจ้างให้เราเล่นแทน ก็รอดตัวไป คราวนี้เรามาดูกันนะครับว่า ความผิดพลาดหลักๆของผมมีพัฒนาการอย่างไร

ระดับ 0

เข้าตาม RSI ต่ำก็ซื้อ สูงก็ขาย ผมไม่รู้เป็นไงชอบตัวนี้จริงๆครับ สงสัยเข้าใจง่าย ปรากฏว่าไปใช้ตอนตลาดมี Trend ใหญ่เลย RSI ต่ำแล้ว ราคาก็ต่ำอีก RSI ต่ำอีกแล้ว ราคาก็ยิ่งต่ำเข้าไปอีก สุดท้ายเลิกเลยครับ ไม่มี Stop Loss

ระดับ 2

เริ่มมาศึกษาเรื่องการซื้อขายเป็นระบบ เขียวก็ซื้อ แดงก็ขาย ก็ไปเข้าตอนระบบแพ้ตลาด เขียวก็ซื้อ พรุ่งนี้แดงเลยครับ อ้าวตอนนั้นงงครับ ทำไงดี พึ่งซื้อเอง ขายแล้วเหรอ สุดท้ายก็ทำไปไม่รอด

ระดับ 3

เริ่มเข้าใจระบบมากขึ้น เริ่มเอาหุ่นยนต์มาใช้ในการช่วยซื้อขาย แต่ก็ไม่รู้ว่าหุ่นยนต์ทำงานยังไง ไม่ได้ทดสอบย้อนหลัง หรือ Demo Test ก่อนลุยเลย ปรากฏอยู่ในช่วงหุ่นยนต์แพ้ตลาด ก็ขาดทุนอีก บางทีก็อวดฉลาดกว่าหุ่นยนต์ไปปิด Position ก่อน ปรากฏที่ปิดก่อนควรได้กำไรไม่ได้ ที่ไม่ได้ปิดก็ขาดทุน สรุปก็คือไปทำให้หุ่นยนต์เสียระบบ

ระดับ 4

เริ่มทดสอบหุ่นยนต์เป็น เริ่ม Demo Test บ้าง แต่ยังไม่กล้าใช้เล่นจริง ปรากฏว่าที่เล่นจริง ด้วยตัวเองเสียเยอะกว่าให้หุ่นเล่นกับเงิน Demo อีก หุ้นยนต์ทำกำไรได้ 60% เราเล่นขาดทุน

ระดับ 5

เริ่มศึกษา Elliott อย่างจริงจัง เริ่มคาดการณ์ได้ แต่ใจเร็วด่วนได้ Over Leverage คือเล่นหนักเกิน คือเหมือนทุ่มหมดตัวใน Poker เลยครับ เลยเสียครั้งเดียวหมดพอร์ตเลย ทำกำไรมาติดต่อกัน เดือนหนึ่ง วันเดียวขาดทุนหมดเลย มาถึงตรงนี้นะครับ
ไม่ว่าคุณจะเก่งยังไง ห้าม Over Leverage เลยนะครับ เพราะถ้าผิดครั้งเดียวหมดทางแก้ตัวเลยครับ จริงๆที่ขาดทุนในทุกระดับ ทุกครั้งที่ผม Over Leverage ทีไรเงินหมดบัญชีทุกครั้งเลยครับ

มาในระดับนี้ปัญหาก็อยู่ที่ Over Leverage กับ ความอดทนครับ เพราะถ้าเราค่อยๆเป็นค่อยๆ กำไรก็มาเรื่อยๆ แต่ถ้าใจร้อน เงินจะร้อนตามและก็หนีไปครับ

เท่าที่นึกได้ก็ประมาณนี้นะครับ ไว้มีเพิ่มจะมาเล่าให้ฟัง

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

FOREX Hide Away at Chiengmai

วันนี้ฤกษ์ดีได้เวลาเดินทางขึ้นเหนือแล้วครับ ครั้งนี้ตั้งใจจะบันทึกความทรงจำ ไปด้วยรวมถึง บันทึกประสบการณ์ต่างๆในการ เทรดค่าเงิน ในระยะเวลา สิบกว่าปีที่ผ่านมาไว้ด้วย

11 โมงกว่าแล้ว ได้เวลาเดินทาง ก็ค่อยๆเริ่มจัดกระเป๋า ด้วยความคุ้นเคยกับการเดินทางเป็นอย่างดี ก็ใช้เวลาเพียงแค่  15 นาทีก็พร้อมแล้ว

การเดินทางไปเชียงใหม่ก็ใช้เส้นทางเหมือนทุกคราวคือ ไปทางสุพรรณบุรี ตรงไปออกทางชัยนาท และก็ไปบรรจบกับเส้นทางหลัก จากนั้นก็ตรงไปนครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง ลำพูน และก็เชียงใหม่

ไปคราวนี้ตั้งใจจะขับไปเรื่อยๆ 80 ก็พอ ครั้งก่อนเคยไป ขับไป 180 ตลอด โดนคุณตำรวจเรียกสามด่านเลย มาคราวนี้ไปเรื่อยๆดีกว่า ก็ขับไป ก็เปิด Elliott Wave Seminar โดย Mr. Prechter ไปเรื่อยๆ ถือว่าเก็บตก ก็ได้อะไรเยอะเลยครับ



ขับไปสักพัก ก็เที่ยงแล้ว ขับไปถึงตรงทางแยก บางปลาม้า เลยแวะร้านแม่บ๊วยดีกว่า เคยมาทานกับคุณแม่ อร่อยดี แต่ไม่แน่ใจว่าร้านเขามีอาหารจานเดียวไหม พอไปถึงเขาบอกมีแต่กับข้าวเป็นจานๆ คนเดียวคงไม่ไหว เลยไปซื้อขนมสาลี่แทน แต่ก็โชคดีเลยไปมีร้านข้าวแกง และก็น้ำแกงเลือดหมู อร่อยใช้ได้เลยครับ สบายท้องแล้ว เดินทางกันต่อดีกว่า




ระหว่างทางได้ฟัง Prechter เขาพูดเกี่ยวกับหลักการใช้ Elliott ให้ฟัง ที่น่าสนใจก็คือ

  • เราควรจะรอให้เวฟก่อตัวให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยเข้า เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
  • เมื่อไหร่ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกัน ถ้า Elliott ให้ความเห็นตรงข้าม เราก็ทำตรงกันข้ามเลย
  • การใช้ Fibonacci นั้นจริงๆแล้วต้องใช้กับ Alternate Wave เท่านั้นเช่น A กับ C  หรือ 1 กับ 3 ซึ่งสัดส่วนจะเท่ากับ Fibonacci เสมอ ส่วนการใช้ที่เป็นการลากจากจุดต่ำสุด ไปสูงสุดนั้นเป็นความพอดี แต่ถ้าจะใช้จริงๆ ต้องใช้กับ Alternate Wave
  • ถ้าใช้บ่อยๆ จนคล่องแล้วเราจะสามารถใช้หลักการของ Elliott ที่จะทำนายกราฟของ Indicators ล่วงหน้าได้เลย
จากนั้นก็ขับยาวเลยครับ แวะก็แค่ปั้มน้ำมัน ขับเรื่อยๆถึงเชียงใหม่ ก็เกือบสองทุ่ม เมื่อยเหมือนกันนะเนี่ย
เริ่มรู้สึกตัวว่าอายุเยอะก็วันนี้ละครับ

เข้ามาเชียงใหม่เวลานี้ไปกินราดหน้าเจ้าประจำดีกว่า ราดหน้าเฮียเต้ ตรงเส้นกำแพงดิน เป็นราดหน้าหมูหมัก อร่อยมากครับ แถมราคากันเองด้วย วันนี้ไปทาน ราดหน้า ควบกับผัดซีอิ๊ว พอทานเสร็จเฮียเต้ให้ชิมไก่ทอด เมนูใหม่ อร่อยไม่แพ้กันเลยครับ ถ้าใครมาสนใจแวะได้ครับ ถ้ามาทางสะพานนวรัฐ ขับตรงมาจนเจอกำแพงดินก็เลี้ยวซ้าย ขับวนขวาไปเรื่อย จะผ่านร้าน McDonald ที่อยู่ใน Im Hotel ขับไปจนสุดเลี้ยวขวาไป และตรงไปจนถึงที่เลี้ยวกลับที่สอง ให้เลี้ยวกลับแล้วตรงไปนิดเดียวก็จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือครับ

ทานเสร็จก็เข้าที่พัก ที่พักก็เป็นที่พักประจำอยู่ใกล้ๆถนน นิมมาน ชื่อว่า บ้านสวนดอยครับ อยู่ในซอยจันทร์ทรัพย์ ราคาไม่แพงและก็ตกแต่งให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยครับ บริเวณรอบๆก็เป็นสวนธรรมชาติมากเลยครับ เห็นเขาว่าดาราบางทีก็มาพักที่นี่เพราะส่วนตัวดีครับ ตอนนี้ที่เขียนก็เขียนอยู่ที่ที่พักนี่ละครับ




เดี๋ยวคงนั่งอ่าน Elliott อีกรอบก่อนนอน ยังไงก็เชียร์ Elliott นะครับ เพราะถ้าเราชำนาญแล้วจะใช้กับอะไรก็ได้เลย จากประสบการณ์นะครับ ใช้กับกราฟเป็นนาทีก็ให้ความแม่นยำเกิน 90% เลยครับ

เมื่อไหร่จะถือยาว เมื่อไหร่จะเข้าเร็ว ออกเร็ว

คำถามนี้ผมถามตัวเองมาเกือบสิบปีครับ ไม่รู้ว่าไปหลงทางอยู่ไหนเพราะคำตอบง่ายนิดเดียว ครับก็เมื่อตลาดมี Trend เราก็ถือ ตลาดไม่มี Trend เราก็เข้าเร็วออกเร็ว อ้าวอย่างนี้ใครก็รู้ คำถามถัดมาก็คือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดมี Trend หรือ ไม่มี Trend

คำตอบสั่นๆครับ "ถาม Elliott ดูสิครับ"

ถ้าเราเข้าใจหลักการของ Elliott Wave Principle อย่างเดียวโดยไม่ต้องรู้อะไรอย่างอื่นๆเลย เราก็สามารถรู้ได้แล้วครับ ถ้าเราเข้าใจหลักการฝึกฝนบ่อยๆ เราจะอ่านกราฟออกได้ด้วยไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรเลย
เห็น 5 เวฟ ครบเมื่อไหร่ เตรียมเข้าสู่ตลาดพักตัวได้เลย พอพักตัวครบ อันนี้ดูยากนิด ตลาดก็เตรียมจะมี Trend ต่อ แต่ถ้าเราเข้าใจหลักแล้ว เราจะผิดน้อยลง และก็สามารถตั้งจุด Stop Loss ได้สั้นขึ้น


จากในรูปสีเขียวก็คือ ตลาดมี Trend ส่วนสีแดงคือ ตลาดพักตัว สองเขียวก็รวมเป็นเขียวใหญ่ แดงครั้งหลังก็พักตัวยาวหน่อย แต่กราฟนี้เป็นระยะเป็นเดือน ดังนั้นในภาพย่อยของเขียวก็จะมีภาพย่อย ที่มี Trend และ ไม่มี Trend อีก เราต้องศึกษาให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ในแต่ละ Time Frame เมื่อเชื่อมกันได้ดีเราจะเจอรอยต่อของ Trend ได้ง่าย และเราจะเลือกระบบในการเข้าทำกำไรได้ดีขึ้น

อย่างลืมนะครับ ถ้าจะเริ่มต้น เริ่มด้วย Elliott Wave จากนั้นก็ขยายออกไปศึกษาอย่างอื่นๆเพิ่มเติม แล้วทุกอย่างจะง่ายครับ

Mr. Scalper ทำงานตอนไหนดี

วันนี้ทำกำไรได้ $400 วันที่จะทำกำไรโดยระบบ Scalping ได้ดีจะเป็นตอน Correction ยิ่งนานยิ่งได้เยอะ แต่ห้ามเพลินจนลืมดูว่าจบ Correction ภาพใหญ่ด้วยนะครับ เพราะไม่งั้นเงินคืนหมดแน่ ถ้าไปเข้าตอน Impulse ยิ่งเจอ Impulse ใหญ่ยิ่งอ่วม

เมื่อวานนี้นั่งทดสอบระบบใหม่ โดยเน้นสัดส่วนการปรับตัวของราคาอย่างเดียว คือ เมื่อราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมไป 61.8 Pips ก็ขาย หรือ ลดลง 61.8 Pips ก็ซื้อ ใช้เป็น Pips นะครับ เพราะไม่อยากเขียนให้ซับซ้อน และก็ถ้าผิดเกิน 5 ครั้งก็ปรับเป็น 161.8 Pips และผิดเกิน 9 ครั้งก็ปรับเป็น 261.8 ส่วนผิดแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนการเข้า เช่นครั้งนี้ซื้อ ครั้งหน้าต้องเป็นขายเท่านั้น แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นขายแล้วราคาเกิดเป็นขาลงยาว ก็เช็คดูว่า ราคาลงต่ำลงมาเกิน 261.8 Pips หรือเปล่า ถ้าใช่ก็เปิดสัญญาณให้ซื้อได้

ลองทดสอบดูนะครับ ระบบนี้ใช้ได้ดีเลยครับ ผิดติดกันไม่เกิน 5 ครั้ง แต่เข้าออก เดือนละประมาณ 5 ครั้งเท่านั้นเอง สามารถเพิ่มเข้าไปในกลยุทธ์ใหญ่ได้ครับ เดี๋ยวจะลองปรับเพิ่มดูว่าจะทำอะไรได้อีก

ส่วนอีกระบบจะใช้ผสมกับ Manual คือ จะใช้ค่า CCI ในการเข้าซื้อขาย โดยจะให้ซื้อขายใน Demo Account และ จะเช็คว่าถ้าผิดเกิดจำนวนครั้งที่กำหนด ผมจะถือว่าการเข้าครั้งต่อไป โอกาสถูกจะสูง ผมจะดูกราฟ และถ้ากราฟเข้าทางก็จะเข้าซื้อจริงโดยเพิ่มจำนวน Lot ให้เยอะหน่อย

นั่งดูการวิเคราะห์กราฟราย 15 นาที ของ EURUSD จะเห็นว่าภาพที่มองเพี้้ยนไป แทนที่จะเป็น Triangle กับเป็น Flat และทำให้เป้าหมายของ C ผิดไป ภาพการทำ Correction ยากอย่างที่ Prechter บอกจริงๆว่า เราจะเห็นถูกต้องก็ต่อเมื่อ ภาพมันครบแล้วเท่านั้น ดังนัี้นเราต้องตั้งกฏไว้ในใจเสมอว่า ต้องเพื่อภาพที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ และมองว่าเราจะทำอย่างไรกับมัน ตราบใดที่ภาพยังไม่ชัด เราก็ไม่ควรที่จะ Aggressive มาก เพราะพลาดแล้วไม่คุ้ม Patience is a virtue จริงๆครับ ถือว่าการรอเป็นการเพิ่มค่าให้กับเงินของเรา รอได้มาก เราเข้าเพิ่มจำนวน Lot ได้มากขึ้น เพราะภาพชัดขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ ตามสถิตินะครับ คือ 1 ใน 1,000 ซึ่งสัดส่วนก็น่าจะคล้ายกับสัดส่วนของคนที่ใจร้อน กับใจเย็นนะครับ คนใจเย็นก็ได้เงินเย็นๆ คนใจร้อนก็ได้เงินร้อน พอเงินร้อนก็เก็บไม่อยู่ มาเร็วไปเร็ว เงินผมเองก็ร้อยอยู่หลายครั้งเหมือนกันครับ

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

War of the FOREX

ช่วงเช้าคลาดโตเกียวเปิดแล้ว แต่ก็เงียบเหงาเช่นเคย เทรดได้ประมาณ 5 ครั้ง ได้มาประมาณ $100 ช่วงเช้าจะเป็นการเทรด สนุกๆ เพราะตลาดไม่ค่อยไปไหน ภาพไม่ชัดก็ไม่ควรเสี่ยงมาก

แต่นั่งว่างๆก็เลยนึกถึงมุมมองที่ตัวเองมีต่อการซื้อขายค่าเงินอยู่หลายๆแบบ เลยเอามาบันทึกไว้ดีกว่า

ผมว่าถ้าจะเปรียบกับ Martial Arts หรือกังฟูนะครับ การที่เราจะสู้ให้ชนะได้ก็ต้องฝึกฝน ท่าในการต่อสู้หลายๆท่า ซึ่งแต่ละท่าก็ใช้แก้ทางคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้มาแรงเราก็ต้องตั้งรับให้ดี พอคู่ต่อสู้เริ่มเหนื่อย เราก็เข้ารุกเพื่อเอาชนะ และ ส่วนใหญ่คนเก่งๆเขาจะรู้กระบวนท่าต่างๆของคู่ต่อสู้ไม่มากก็น้อย เพราะจะได้เลือกใช้กระบวนท่าต่างๆเพื่อแก้ ที่สำคัญคนที่จะชนะการต่อสู้ ถ้าไม่ขั้นเทพจริงๆ ก็ต้องโดนคู่ต่อสู้ซัดเอาบ้าง โดนหนักแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ขอให้สุดท้ายชนะเป็นใช้ได้

FOREX ก็เหมือนกัน เราต้องฝึกฝนกระบวนท่าต่างๆของเราให้มาก และศึกษาพฤติกรมของตลาดให้เข้าใจเพื่อที่จะได้เลือกใข้กระบวนท่าต่างๆในการตั้งรับ หรือ รุก ซึ่งก็หมายถึงว่า เราต้องรู้ว่าตอนไหน ควรอยู่เฉยๆ ตอนไหนควรเข้าน้อย หรือ ตอนไหนควรเข้ามาก กระบวนท่าของ ตลาดก็คือ Pattern ต่างๆ ซึ่งในค่าเงินแต่ละคู่ก็มีกระบวนท่าไม่เหมือนกัน มีลักษณะที่แตกต่างกัน เราต้องศึกษาให้มากๆ และที่สำคัญเราต้องเข้าใจตัวเราเองด้วย ว่าเรามีนิสัย หรือความถนัดอย่างไร ถ้าเราเป็นคนใจเร็ว ก็เข้าออกเร็ว ถ้าใจเย็นก็ถือนานหน่อย
และเราควรที่จะสรุปกระบวนท่า หรือวิชาของเราให้ชัดเจน ก็คือระบบนั่นเอง เราควรมีระบบอยู่หลายๆแบบที่สามารถปรับใช็กับสถานการณ์ของตลาดที่ต่างๆกันได้ เมื่อตลาดมี Trend เราก็ใช้ระบบหนึ่ง มีไม่มี Trend เราก็ใช้อีกระบบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของเราว่าจะสามารถอ่านกระบวนท่าของตลาดออกหรือเปล่า ถ้าอ่านไม่ออก ก็ต้องยอมใ้ช้ระบบเดียวไปก่อน ซึ่งก็ต้องย่อมโดนอัด ตอนที่ระบบแำ้พ้ตลาด แต่ยังไงเราต้องหาระบบที่ในระยะยาวแล้วโดยรวมต้องชนะตลาดให้ได้

คราวนี้เรามาดูกันต่อ ถ้าเราเริ่มคล่องกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัว หรือ ถนัดซื้อขายค่าเงิน คู่ใดคู่หนึ่งแล้ว เราก็ต้องขยายผลออกไปที่คู่ต่อสู้ให้มากขึ้น มันก็จะกลายไปสัมพันธ์กับ การทำศึกแล้ว คือเราต้องมี ขุนพลเก่งๆหลายคน เพื่อเข้าต่อสู้ในสงครามค่าเงิน หลายๆค่าเงิน โดยเราต้องถือหลักที่ว่า เราสามารถแพ้ศึกได้ แต่ต้องชนะสงคราม ก็คือบางครั้งเราอาจจะแพ้ตลาด แต่เราต้องกลับมาเอาชนะสงครามทั้งหมดได้

ซึ่งก็คือ เราต้องมีการวางแผนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นจำนวนทหารที่จะส่งไปรบ การวางแผนว่าถ้าทหารเกิดรบแพ้เราจะทำอย่างไร จะส่งกองหนุนไปเพิ่ม หรือ จะล่าถอยไปตั้งหลักก่อน การที่เราจะรุกอย่างเดียวโดยไม่ถอยเลย เราจะไม่มีทางชนะศึกแน่ๆ เช่นเดียวกัน เราจะเข้าซื้อขาย ทุกเวลา เราไม่มีทางชนะตลาดในระยะยาวแน่นอน เราต้องรู้จักว่าเมื่อไหร่เราจะรุก เมื่อไหร่เราจะรับ และเมื่อไหร่เราต้องซุ่มโจมตี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราย่อมมีการวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบ และก็ดำเนินการตามกลยุทธ์ต่างๆอย่างเคร่งครัด

ไว้ผมจะลองเอาตัวอย่างสนุกๆมากบันทึกไว้จะได้เป็นแนวทางให้กับท่านที่สนใจที่จะเข้ามาทำสงคราม War of the FOREX ด้วยกันนะครับ

บันทึก เทคนิค เพื่อรวมเป็นกลยุทธ์การซ์้อขาย




วันนี้นั่งวิเคราะห์กราฟ USD/JPY จะเห็นว่าเป็นค่าเงินที่มีการ Spike ของราคาที่ค่อนข้างบ่อย และสูงมาก โดยเฉลี่ยไปปรับไปอย่างน้อย 200% จาก High-Low ก่อนหน้า เลยตั้งเป็นข้อสังเกตุการทำกำไรแบบ Counter Trend เมื่อราคามีการก่อตัวเป็น Sideways ในแบบต่างๆระยะหนึ่ง จะตั้ง Entry ที่ Fibonacci 200% และ Stop Loss ที่ 363% หรือประมาณ 350 Pips และตั้ง Target Profit ที่ 250 Pips

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เตือนความจำ กับความผิดพลาดครั้งที่แล้ว


ภาพนี้จะเตือนไว้ว่าบางครั้งถ้าเรานั่งดูกราฟรายนาทีมากเกินไป และเพลินกับการทำกำไร ห้ามลืมทีี่จะดูภาพในระดับกว้างขึ้นทุกครั้ง เพราะถ้าได้เห็นภาพนี้จะเห็นว่า ราคาทะลุแนวรับสำคัญลงมา ทำให้ลงแรง ถ้าเห็นเราจะไม่ควรเข้าไปรับเลย สัดส่วนที่จะปลอดภัยสำหรับการ Break Out แบบนี้ควรที่จะเป็น 161.8% ขึ้นไป ถ้าเลยก็ไปที่ 214% หรือ 261.8% ถึงตอนนั้นก็ให้ใช้เส้น Trend Line เข้าช่วยอีกที หรือ อาศัยระดับ Fibonacci ในระดับสูงขึ้นไปในการสอบหาตำแหน่งที่ปลอดภัย

เตือนความทรงจำกับ Elliott Wave Principle

วันนี้หลับแต่หัวค่ำเลยต้องมาตื่นกลางดึก อืมม์สงสัยกว่าจะได้นอนอีกทีก็เกือบตีสี่แน่เลย หาอะไรอ่านดีกว่า เข้าไปหาอะไรอ่านใน Elliott Wave International เข้าไปมา เห็น Section เป็นวีดีโอเกี่ยวกับ Elliott Wave Principle อืมม์ ลองดูดีกว่าว่ามีอะไรใหม่หรือเปล่า

ฟังไปเรื่อยๆ เหมือนกับเตือนความจำในบางเรื่องที่เราลืม หรือมองข้ามไป ไหนๆก็ฟังแล้ว มาลองสรุปเก็บไว้อีกทีดีกว่า

การนำ Elliott Wave กับ Fibonacci

  • เวฟ 2 มักจะเป็น 61.8% ของ เวฟ 1
  • เวฟ 3 ที่เกิดเป็นแบบ Extended มักจะเป็นอย่างน้อย 161.8% ของเวฟ 1 โดยส่วนมากจะเป็น 261.6%
  • เวฟ 4 มักจะเป็น 23.6% ของ เวฟ 3
  • เวฟ 5 มักจะเป็น 61.8% ของระยะ จากจุดเริ่มต้นของเวฟ 1 ถึง เวฟ 3
  • เวฟ 5 มักจะเป็น 161.8% ของเวฟ 1


การนำ Elliott Wave มาใช้กับ MACD

หลักๆก็เป็นการหา Divergence หรือ Convergence ของราคา กับ ค่า MACD ก็คือถ้าเรานับเวฟ 3 ได้แล้วตอนจบของ เวฟ 5 เราสามารถใช้ Fibonacci เข้าช่วยจับ และก็ใช้ MACD ช่วยในการ Confirm อีกครั้ง ส่วนตัวแล้วจะใช้ Stochastic ช่วยอีกตัวหนึ่ง เหมือนเรามี Elliott Wave เป็น ปืนยาว Fibonacci เป็น ขาตั้ง และ MACD เป็นกล้องเ็ล็งเป้า

Impulse Wave
  1. Diagonal Triangle 
  • Wave 1,3,5 = 3 เวฟย่อย และ เวฟ 4 จะเข้ามาในบริเวณของ เวฟ 1
  • Throw Under หรือ Over จะเป็นการ Confirm ถึงการจบของ Wave 5 แล้ว
  • เป็นการบอกถึงจะเกิดการกลับตัวอย่างแรง
Correction Wave
  1. Zigzag 5-3-5, Sharp, มักจะเกิดที่ เวฟ 2
  2. Flat 3-3-5, Sideways, มักจะเกิดที่ เวฟ 4
  3. Triangle 3-3-3-3-3, มักจะเกิดที่ เวฟ 4
  4. Combination, X wave, Sideways มักจะเกิดที่เวฟ 4
เพิ่มเติม

Wave 2 จะไม่เกิน 100% ของเวฟ 1 เสมอ ในบางครั้งถ้าเราเห็น เวฟย่อย 5 เวฟเกิดขึ้น จะไม่สามารถเป็นการเกิด Trend ใหม่ แต่จะเป็น C ของ corrective pattern

Guidelines

Volume เวฟย่อย ปกติ volume ของเวฟ 3 จะมากกว่า เวฟ 5 แต่ถ้า volume ของเวฟ 5 >= เวฟ 3 จะหมายถึงว่า เวฟ 5 เป็นแบบ Extended (Wave 5 extension)

Volume เวฟหลัก Volume จะมากที่เวฟ 5 (All-time high volume at terminal points in bull markets)

Volume ส่วนใหญ่มักจะ spikes เล็กน้อยที่จุด throw-over ของเส้นคู่ขนาน หรือ diagonal triangle resistance line

Volume มักจะน้อยใน corrective waves แต่บางครัั้งเกิด spikes ได้

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลองนับ Wave ค่าเงิน USD/JPY

วันนี้วันเสาร์ ตลาดปิด สบายๆ มานั่่งดูกราฟกันดีกว่า วันนี้ลองมานับเวฟ USD/JPY กันดู
จากที่ได้ศึกษาค่าเงินมา ภาพใหญ่ค่าเงินน่าจะเป็น Correction เป็นหลักเพราะค่าเงินแต่ละค่าเงินควรที่จะปรับตัวอยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าจะเป็น Impulse ได้แสดงว่าประเทศหนึ่งต้องเจอวิกฤติการณ์หนักๆสักอย่าง แต่ยังไงก็ดีต้องมีการแทรกแซงเพื่อรักษาไว้ในระดับหนึ่ง พอลองมาดูกราฟรายเดือนย้อนหลังไม่ตั้งแต่ปี 1988 จะเป็นว่า ภาพที่เห็นรอบแรก ก็คือ Correction ไปมา โดยภาพใหญ่สุดภาพที่มีโอกาสเป็นไปได้มาก คือ กำลังจะจบ Flat Correction ของ 22 ปี ถ้าเป็นกรณีนี้แสดงว่าค่าเงิน USD ต้องแข็งค่าขึ้นอีกมาก

แต่ถ้ามามองอีกภาพหนึ่งก็คือ ตอนนี้เป็นการเริ่มต้นของ Wave 3 โดยจบเวฟ 2 ไปเมื่อปี 2005 ถ้าเกิดเป็นแบบนี้แสดงว่า ค่าเงิน USD จะอ่อนค่าไปมหาศาลเลย 

แต่ไม่ว่าจะเป็นภาพอะไรก็ตามนะครับ ดูแ้ล้วในระยะกลางค่าเงิน USD จะต้องแข็งค่าขึ้นเพราะ Pattern มันฟ้อง แต่เมื่อไหร่ต้องไปดูในระยะกลาง และสั้นกันอีกที


วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลัวไม่ได้กำไร เงินเลยหายไป $1,000 ในพริบตา

วันนี้คงต้องทำกำไรคืนจากขาดทุนเมื่อวาน ก็เน้นเข้าปลอดภัย เมื่อตลาดอยู่ในสัดส่วน Fibonacci และนับเวฟแล้วน่าจะอยู่ในช่วงจบเวฟ แต่เป็นการเล่นใน Timeframe 1 นาที เลยดูยากหน่อย

ก็เข้าไปทีละนิดๆ ได้มาประมาณ $200 วันนี้วันศุกร์ไม่กล้าเข้าเท่าไหร่เพราะตลาดวันนี้จะผันผวนเป็นพิเศษ หุ่นยนต์บางตัว เช่น Megadroid จะไม่ทำงานวันนี้

ช่วงดึกสีุ่ทุ่มกว่าค่าเงินยูโรปรับลดลงมามาก เราเข้าไปดักที่ 61.8% ก็ได้มานิดหน่อย คราวนี้รอต่อที่ 78.6% นั่งดูไปดูมาปรากฏว่า ลากเส้น Channel ขึ้นมาจะเห็นว่าราคาน่าจะทะลุเลย 78.6% ไปหน่อยนึง เราก็คาดว่าจะเข้าที่ 1 Lot ก่อน แล้วค่อย ไปเข้า 10 Lot ที่จุดนั้น คิดซะดิบดี พอราคามาจริง กลัวไม่ได้เงิน เข้าไปก่อน
ปรากฏว่าราคาทะลุมาจริงๆไปจบตรงนั้น สักพักกว่าจะเด้ง เลยแทนที่จะได้กำไรพันกว่าเหรียญ เลยได้แค่สามร้อยแทน จะเห็นว่าโลภมากลาภหายอีกแล้ว อันนี้ต้องจำให้แม่น รอหน่อยมาไม่ถึงไม่เป็นไร ตังค์อยู่ครบ เข้าก่อนโอกาสเสียมากกว่าได้ ยิ่งถ้าเล่นแบบ Scalping แล้วยิ่งต้องใจเย็นให้มาก รอจังหวะดีๆ เข้าทีจะได้เป็นกอบเป็นกำกว่า

การใช้ Indicators ช่วย Trade

วันนี้ได้อีเมลล์จาก Russ Horn เขาได้พูดถึงการเพิ่ม MACD 2 ที่เขาไปปรับปรุงเพิ่มเส้น Moving Average เส้นที่สองเข้าไป ว่าจะใช้กับระบบ Forex Rebellion ของเขาอย่างไร พอดีผมได้เคยซื้อระบบของเขามาลองใช้ดูครับ ก็ถือว่าใช้ได้ครับ เป็นระบบ Trend Following ระบบหนึ่ง โดยใช้ Indicators หลายๆตัวช่วยการตัดสินใจในการเข้าซื้อขาย

พอได้ฟังเพิ่มก็ได้ความคิดวา่จะเอาระบบของเขามาใช้ประกอบเพิ่มกับระบบที่ผมใช้ในปัจจุบัน และก็เห็นความจริงเพิ่มขึ้นว่า ไม่ว่าอะไรถ้าเราใช้ให้ชำนาญก็สามารถทำกำไรไ้ด้ทั้งนั้นครับ มีหลายๆคน รวมทั้งผมเองที่เคยมองว่า Indicators ต่างๆนั้นไร้สาระมาก เพราะกว่าจะแสดงสัญญาณก็ช้าเสียแล้ว แต่จริงๆแล้วถ้าเราประยุกต์ใช้มันให้เหมาะสม ก็ไม่เลวทีเดียวครับ

อย่างระบบของผมเอง ตอนนี้เน้นการ Scalping แบบเร็วมาก ก็ไม่สามารถใช้ Indicators ช่วยได้เท่าไหร่เพราะไม่ทัน สิ่งที่ผมใช้ก็ต้องหาวิธีที่จะคาดการณ์ภาพอนาคต และเข้าซื้อขายก่อนที่ภาพจะเกิดขึ้น บางครั้งเหมือนเขาตัวเข้าไปขวางรถไฟที่กำลังวิ่ง ถ้าเราคาดถูกก็คือรถไฟจอดข้างหน้าเราพอดี

สิ่งที่ผมใช้หลักๆก็คือ Fibonacci Ratio, Elliott Wave Principle และ Trend/Channel Line. นอกเหนือจากนี้ก็ต้องใช้ความอดทนประกอบเพราะเราต้องรอพอสมควรกว่าที่จะเข้าซื้อขาย และก็ Money Management ที่ต้องเข้าเพิ่มหรือลดจำนวนการเข้าซื้อตามระดับความเสี่ยง

เมื่อวานผมโดนรถไฟชนขาดทุนไป $3,000 กว่าเหรียญ เพราะสิ่งที่ผมพลาดก็คือไม่ได้ดูภาพใหญ่ ติดพันกับภาพเล็กจนลืมดูภาพใหญ่ทำให้ ไปเข้าซื้อเพิ่มด้วยระยะที่ใกล้กันเกินไป ทำให้ไม่สามารถ Cover Loss ที่เกิดขึ้นได้ ผมเลยจะเพิ่มตัวช่วยก็คือ Indicators ที่จะบอก Trend ใหญ่เข้ามาช่วยให้ผมไม่ลืมว่า ผมไม่เพิ่มจำนวน Lots ถ้าเป็นการเข้าสวน Trend ใหญ่ และจะ Hold Position นานขึ้นถ้าเข้าตาม Trend ใหญ่ครับ

ไว้มาดูักันว่าผลจะเป็นอย่างไรนะครับ

สรุปตอนนี้ระบบที่ผมใช้จะมีอยู่สามระบบใหญ่คือ


  1. Fibo - Elliott Scalping ก็เน้นเข้าเร็วออกเร็ว กำไรก็ออกทันที เน้นรายนาทีเป็นหลัก
  2. Fibo - Elliott Rider เป็นระยะกลาง คือเข้าหลังจากที่จบ Wave หลักก็เข้าซื้อหรือขาย และก็ตัั้ง Profit Target ไว้ที่ 55 จุด และ Stop Loss ที่ 25 จุดเสมอ และเมื่อผิดก็จะ Double Position ที่เข้าทุกครั้ง
  3. Fibo - Elliott - Trend Rider จะเพิ่มการเข้าโดยใช้ Indicators แบบเป็น Trend Following มาช่วย โดยผมจะลองใช้ของ Mr. Russ Horn ดูว่าจะใช้ได้แค่ไหน และใช้ Stop Loss เป็น เส้น Moving Average และ ใช้เป็น Trailing Stop ไปด้วย
จริงๆยังมี EAs ที่ผมเขียนขึ้นมา ตอนนี้กำลัง Test กับ Demo Account อยู่ ถือว่าใช้ได้เลยครับ 2 เดือน กำไร 60% สำหรับตัวที่เสี่ยง ส่วนตัวที่ปลอดภัยได้อยู่ที่ 14% คงต้องทดสอบอีกสักพัก แล้วค่อยใช้กับเงินจริง

ความเหมือนที่แตกต่าง


เช้านี้ได้ดูกราฟ Pattern แล้วเห็นอะไรน่าสนใจครับ รูปแบบที่เห็นส่วนใหญ่ราคาจะลง เพราะราคาทำมุมออกข้างค่อนข้างมาก แต่จะเห็นว่าผลที่ออกมามีทั้งขึ้นและลง คราวนี้เราจะหาตัวช่วยอย่างไรดี อืมม์ ลองนับเวฟแบบง่ายๆดูนะครับ จะเห็นว่า ภาพแรกเป็นการปรับตัวอยู่ระหว่าง B กับ C ในขาขึ้น ส่วนภาพหลังจะเห็นว่าเป็น B กับ C ในขาลง ผลจะเป็นไปตาม Elliot Wave เป็นหลักครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บันทึก กลยุทธ์การซื้อขาย FOREX แบบ Scalping

ระบบที่ได้ทดลองใช้มาหลายแบบ สุดท้ายก็มาเลือกใช้ระบบการซื้อขายแบบ Scalping เป็นหลัก รูปแบบของระบบมีดังนี้


  • เข้าซื้อขายที่จุดที่ตลาดมักจะมีการพักตัว โดยเลือกที่ สัดส่วนของ Fibonacci เป็นหลัก โดยจะเข้าที่ระดับ 78.6%, 127.2%, 161.8% ของช่วงเวลา 15 นาที เป็นหลัก
  • เมื่อเจอสัดส่วน Fibonacci แล้วก็นับเวฟดูว่าอยู่ในรูปแบบใด เช่นถ้าเป็นการจบเวฟ 5 ที่ 161.8% ของเวฟ 3 ก็เข้าได้เลย
  • ในการหาจุดที่จะเข้าก็ดู เส้น Trend Line ประกอบถ้ามาบรรจบกันพอดีก็เข้าด้วย Lot ที่มากหน่อย
  • การเข้าซื้อจะเข้า 1, 10, 20 เท่าตามลำดับ
  • ออกเมื่อมีกำไรทันที (ส่วนใหญ่การเข้าซื้อขายมักจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที) เวลาที่เหลือจะเป็นการติดตามความมเคลื่อนไหวของตลาด
  • ช่วง Correction จะไม่ค่อยเข้าเพราะการนับเวฟจะยากมาก
  • Indicator ไม่ค่อยเน้น ใช้ช่วยดูนิดหน่อย โดยใช้แค่ Stochastic ตัวเดียว

9 ธันวาคม วันแห่งความเชื่องช้า ตามมาด้วยสึนามิ

วันนี้ตื่นมาดูกราฟ EUR/USD ดูแล้วจะจะทำ Correction C ชุดที่หนึ่งจบแล้ว ตอนนี้กำลังปรับตัวต่อ ดูแล้ว Complex จริงๆ ถ้าจะเป็น Sideway Up คงต้องรอให้ตลาดก่อตัวให้ชัดอีกนิด ก็รอต่อไป



ช่วงเก้าโมงกว่า  ราคาก่อตัวสูงขึ้น และปรับลดลงดูแล้วน่าจะมีการขึ้นต่อ อืืมม์ลองดูสัดส่วน Fibonacci ก็เท่ากับ 261.8% เชื่อมกับเส้น Trend Line พอดี แต่ตามระบบก็ต้องตั้งที่ 1 Lots ก่อน ปรากฏว่าราคาพุ่งสูงขึ้นไปค่อนข้างแรง ทะลุขึ้นไปไ้ด้อีกพักหนึ่ง ผมก็ Short เพิ่มอีก 10 Lots ตามสูตร ปรากฏว่าจะแรงทะลุขึ้นไปอีก ดูแล้วน่าจะเป็นแนวต้านใหญ่อีกหนึ่ง ก็เลย Short อีก 20 Lots ทันทีที่เข้าได้กำไรมา $200 ก็ออกทันที ปรากฏว่าราคขึ้นต่อไปอีก ไปอยู่ระดับ 423.6% ก็เลย Short 20 Lots อีกครั้ง ตอนนี้ยังขาดทุนจาก 2 ชุด แรกอยู่ ผมก็รอจนได้กำไรจากชุดหลังสุดที่ $600 แล้วก็ตัดสินใจออก คราวนี้ก็รออีกหน่อยนึงเพราะดูแล้วราคาน่าจะ Retrace มาที่ 23.6 % อย่างน้อย พอราคาลงมารวมแล้วตอนนี้กำไร $800 ขาดทุนอยู่ $550 ก็เลยปิด Positions ทั้งหมด สรุปได้กำไรมา $250 พอออกมาแล้วก็ดูราคาต่อปรากฏว่าราคาปรับตัวมาที่ระดับ 38.2% และค่อยกลับขึ้นไปต่อ ถือว่าครั้งนี้รอดตัว

บทเรียนจากครั้งนี้น่าจะเป็นการที่ไม่ได้สังเกตุสัดส่วน Fibonacci ระดับถัดไป ทำให้รีบเข้าเร็วไปนิดหน่อย แต่ด้วยการใช้ระบบเข้าซื้อขาย แบบ Grid Strategy เลยทำให้สามารถทำกำไรแก้มาได้

ตอนนี้เวลา 12.42 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อถ้าดูตามรูปก็น่าจะเป็นเวฟ a ย่อย และกำลังปรับตัวลงเป็น b ซึ่งราคาปรับตัวช้ามากไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว คงต้องรอให้ลง b มาที่ 50% ก่อนและขึ้นไปจบ C ที่สูงขึ้นในระดับ 78.6% ใหญ่ เพราะปัจจุบันจบ a ที่ระดับ 61.8% ต้องรอดูกันต่อไป



ตอนนี้เวลา 13.47 ราคาปรับตัวออกข้าง และทะลุลงมาอยู่ในระดับ 38.2% แล้ว ได้เข้า Long ไป 1 Lot ได้กำไรมา $20 ก็ออกก่อน ตอนนี้ก็รอให้ราคาลงมาต่อที่ 50% ก็จะเข้า Long อีก หรือไม่ก็ไปรอ Short ที่ราคาสูงขึ้นที่ 78.6%

ราคาปรับตัวขึ้นไป และได้ลงมาที่เดิมอีกครั้งที่ 38.2% เลยเข้าไปอีกรอบที่ 1 Lot โดยวางแผนว่า ถ้าลงต่อมาที่ 50% จะเข้าเพิ่มอีก 10 Lots  ตั้ง Stop Loss ที่ 35 Pips และออกทันทีทีมีกำไร พอเข้าไปราคาก็ปรับตัวขึ้น ก็ออกทันที ได้มาอีก $20 ตอนนี้ราคาปรับตัวต่อขึ้นไปแล้วครับ คงต้องรอให้ขึ้นไปจบ C ที่ระดับ 78.6%



รออีกสักพักราคาก็ยังออก Sideway ต่ออืืมม์หรือว่าจะไม่ขึ้นแล้วนะเนี่ย ถ้าลงคงจะหนักเพราะ Sideway นานผิดปกติ แต่ก็เอาน่าไปดักเข้าตามระบบก็แล้วกัน ปรากฏกว่าเข้าไป ตรงระดับ 38.2% 1 Lot ครับ ราคาลงต่อไปอีก พอ 50% ก็เข้าอีก 10 Lots ยังต่ออีกครับ ก็เอาไม่อยู่ครับ ที่ 61.8% ก็เข้าอีก 50 Lots ครับ ก็ไม่อยู่ครับ ไปจน 78.6% ก็ไม่เลยไปอีกครับ ดูถ้าไม่ดีครับ เลยต้องปิด Positions ทั้งหมดก่อน ไม่งั้นโดนมากกว่านี้แน่ครับ รอบนี้ลงหนักครับ Grid ก็เอาไม่อยู่ ขาดทุนไป $3,000 ตอนนี้คงต้องพักดูท่าทีตลาดแล้ว เพราะถ้าเข้าต่อมีหวังไม่รอดครับ ไม่เจอแบบนี้มานานแล้วครับ โชคดีทำกำไรตุนไว้บ้าง

ครั้งนี้ถือว่าไม่รอยคอบครับ เพราะระบบที่ตั้งไว้ก็บอกไว้แล้วครับว่าถ้า ตลาด Sideway นานให้ไปตั้งรับอย่างน้อย 61.8% ด้วยความโลภครับเลยรีบเข้าผลก็คือ โลภมากลาภหายครับ



ตอนนี้ 4 ทุ่มกว่าครับ พอขาดทุนไปเลยต้อง เพิ่มระบบในการเข้าซื้อขายมากขึ้น เข้าตาม Chart Pattern + Fibonacci Ratio และ Elliott Wave ในกรอบเวลาที่เร็วขึ้น รวมถึงใช้ค่า Stochastic ประกอบมากขึ้น เข้าเร็วออกเร็วเหมือนเดิม ได้คืนมา $1050 เหรียญ