วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

215% สำหรับ Martingale Strategy with Money Management


มา Update กันต่อนะครับ ตอนนี้ Bulletproof ได้ค่อยๆทำกำไรมาได้ถึง 215% แล้วครับ
แม้ว่าปัจจุบัน ยูโรอยู่ในทางลง แต่จังหวะ เวลาที่ถูกเลือกไว้ยังคงเอื้ออำนวยให้ หุ่นยนต์ตัวนี้ทำงานได้เป็นอย่างดีครับ ตอนนี้ผมได้ทดลองเพิ่มกับ FXCM ก็ยังโอเคครับ แต่ต้องลดจำนวน Lot ลงเพราะ Leverage ของ FXCM UK เขาให้ 1:200 ดังนั้น ต้องยอมกำไรน้อยลง แต่รักษาความปลอดภัยของ Martingale ไว้

ตอนนี้ผมเองได้เพิ่มกลยุทธ์การเทรด แบบ Manual โดยใช้ Margingale ร่วมกับ Elliotte Wave และ Fibonacci  ก็ทำงานได้ดีครับ ตอนนี้กำลังทดสอบกลยุทธ์นี้กับ SET 50 Future และ Gold Future อยู่่ ซึ่งโดยรวม พอได้ครับ ไว้ทดสอบอีกพัก จะมาเล่าให้ฟังครับ

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ใช้ กลยุทธ์ Martingle (เบิ้ลลอต)​ อย่างไร ไม่ให้ล้างพอร์ต

สวัสดีครับ วันนี้มาขอคุยกันเรื่องที่หลายๆคนพูดกันประจำครับ ว่า "ระวังนะ Martingle มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง"
เลยอยากมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมครับ ว่าจริงๆแล้วมันเพราะอะไร และทำไมยังมีคนใช้กลยุทธ์แบบนี้อยู่

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยสร้างให้ผมมีชีวิตอิสระได้จนถึงทุกวันนี้ครับ กลยุทธ์นี้หลายคนมักจะเข้าใจว่า เป็นการ ดับเครื่องชน เพราะหลักการก็คือ การ เพิ่ม Position เป็นสองเท่าทุกครั้งที่ขาดทุน เช่นเราเข้า ครั้งเรา 0.1 Lot แล้วเราขาดทุนถึงระดับหนึ่ง ก็เข้าเพิ่มเป็น 2 เท่า ก็คือ 0.2 Lot และถ้ายังขาดทุนต่ออีก ก็เพิ่มเป็น 0.4 Lot ไปเรื่อยๆ จำนวนการขาดทุุนก็จะเพิ่มเป็นสองเท่าเช่นกันครับ แต่ถ้าเกิดราคาปรับตัวกลับมา เราก็จะสามารถปิด Position ทั้งหมดเลย เมื่อ Position ล่าสุดได้กำไรตาม Target ครับ

ซึ่งการเทรด Forex นะครับ ยังไงก็มีโอกาสที่มีวันหนึ่งที่เราเข้าเทรด แล้วราคาวิ่งแบบมี Trend ยาว ทำให้ไม่สามารถปิด​ Position ได้เลย จนล้างพอร์ตไปเลย ถ้าแบบนี้ผมถือว่า อันตรายอย่างที่เขาว่าครับ

แต่ มีแต่ครับ คือถ้าเรามีการเพิ่มการบริหารจัดการ ที่เรียกว่า Money Management เข้าไปครับ อันนี้จะลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากๆๆๆ ครับ

คือเรามีการกำหนดจำนวน Lot ที่เราจะเข้าทั้งหมด เช่นเราจะเข้า 3 Lot  และตั้ง Stop Loss ที่ 50 Pips เราสามารถแบ่งการเข้าเป็นจังหวะ แบบ Martingle เช่น ถ้าเรากำหนด Lot เริ่มที่ 0.1 เราจะสามารถเข้าได้ทั้งหมด 0.1 0.2 0.4 0.8 0.16 0.32 0.64  คือ 7 ครั้ง ซึ่งถ้าเราตั้งว่าถ้าราคาปรับผิดทางไป 15 Pips เราจะเข้าเพิ่ม อย่างนี้ก็หมายความว่าเราสามารถผิดได้ 105  Pips ถ้าราคาผิดมากกว่านี้เราก็ไม่สามารถเปิด Position ได้เพิ่ม และเมื่อราคาชน Stop Loss เราก็ต้องยอมขาดทุนในครั้งนั้นครับ อย่างนี้ก็ไม่ต้องกลัวล้างพอร์ต แถมสามารถ Trade ได้บ่อยขึ้น และ ได้กำไรมากขึ้นครับ แต่ อีกหนึ่งแต่ครับ การจะใช้กลยุทธ์นี้ควรมีประสบการณ์มากพอควร ในเรื่องของ Price Pattern และ Elliot Wave นะครับ เพราะจะช่วยทำให้เราหลีกเลี่ยงการเข้าไป สวน Trend ใหญ่ครับ

ลองดูนะครับ เพราะกลยุทธ์นี้น่าจะมีไว้ใน คลังอาวุธการเทรด เพิ่มจากแบบ Trend Following บ้าง ก็จะทำให้ครบเครื่องมากขึ้นครับ

แต่สำคัญนะครับ โอกาสกำไรมาก ก็หมายถึงว่าโอกาสขาดทุนมากก็มีเช่นกันครับ ต้องดูก่อนนิดนึงนะครับว่าเรารับการขาดทุนได้มากแค่ไหน ถ้าไม่มากก็ เทรดแบบ Trend Following แบบ Fixed Lot จะสบายใจกว่าครับ

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

เกือบปีแล้วครับกำไร 170%


มาดูผลงานกันต่อนะครับ จะเห็นว่าหลังจากช่วงที่แล้วคือ ตุลาคม กำไรได้วิ่งไปเกือบ 170% แต่มีอยู่คืนหนึ่งราคาเกิดปรับตัวลงแรงครับ ทำให้กำไรที่ได้มาลดลงไปเกือบเท่ากับช่วงตุลาคม จากนั้นผมเองก็ตั้งระบบของ EA ให้อยู่ใน Safe Mode เพราะว่า EURUSD ผันผวนมากและแนวโน้มลงมากกว่า จะเห็นว่ากราฟจะค่อยๆปรับตัวขึ้นกลับมา ระดับเดิม แต่ก็มีเมื่อคืนครับที่มีการปรับตัวแรงอีกครั้ง ครั้งนี้ลบไม่เยอะ แต่ Drawdown เยอะไปนิดครับ แต่โดยรวมระบบนี้ยังทำกำไรได้เรื่อยๆครับ

จริงๆแล้วถ้าผมปล่อยให้ EA ตัวนี้จัดการตัวเองไปเรื่อยๆนะครับ ผลกำไรจะดีกว่านี้เยอะครับ แต่ความเสี่ยงจะสูงกว่ามากผมเลยเลือกที่จะได้กำไรน้อยหน่อย และ Stop Loss มือในบางครั้งเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงครับ

ส่วนตัวผมยังเชื่อว่าการใช้ EA ช่วยเทรดเป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นครับ แต่ยังไงเราต้องคอยวิเคราะห์ หรือมีระบบของเราคุม EA อีกทีนะครับ ระบบที่ว่าคือ ​Money Management และ Risk Management ครับ เพราะ การวิเคราะห์ Technical นั้นเป็นแค่ 10% ของความสำเร็จทั้งหมดซึ่งเราก็ปล่อยให้ EA ดูแลไป แต่ส่วนที่เหลือเราต้องดูเองครับ

หลายๆคนที่ล้างพอร์ตเพราะ EA เพราะ มักจะเชื่อ EA เกินและ Overtrade พอ EA ผิดครั้งสองครั้งก็ล้างพอร์ตเลยครับ