วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

ใช้ระบบเทรด เป็นเข็มขัดนิรภัยดี หรือ คันเร่งดี

สวัสดีครับ ไม่ได้เขียนมานานพอควรครับ มัวแต่ยุ่งจัดพอร์ตการลงทุนใหม่ๆ ครับ วันก่อนนั่งคุยกันในวงทานข้าว เกี่ยวกับพฤติกรรมการเทรดหลายๆแบบ เลยทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า หลายๆคนที่เข้ามาเทรด ไม่ว่าจะเป็นหุ้น Future AFET หรือ แม้กระทั้ง Forex นั้น หลักๆก็คือทำอย่างไรให้ทำกำไรได้สูงๆ พยายามหาวิธีต่างๆขึ้นมา มักจะนึกภาพว่าถ้าเดือนนี้ทำกำไรได้เป็นร้อยๆเปอร์เซ็นต์ จะเป็นอย่างไร

พอวาดภาพในใจเรียบร้อย ก็เริ่มเทรด บางคนศึกษามาดี ก็มีกำไร และก็เพิ่มกำไรไปเรื่อยๆ จนมั่นใจมากก็เพิ่มเงินที่เข้าออก แต่ละครั้งไปเรื่อยๆ มาวันหนึ่ง อะไรก็ไม่เป็นใจ ที่คิดไว้ผิดทาง อารมณ์เริ่มขึ้น เอาวะ สู้อีก เทรดเพิ่มกว่าที่ปกติเทรด และก็สุดท้าย กำไรที่ได้มาคืนหมด บางคน ไปจนถึงหมดพอร์ตก็มีครับ

ถ้าเป็นหุ้น เวลามีกำไรก็ขาย ตอนเย็นก็ยิ้มไปฉลองกัน แต่พอผิดทางขาดทุนก็ถือโดยที่หวังว่าจะกลับมากำไรใหม่ ถ้าเป็นช่วงตลาดขาขึ้นก็ไม่มีปัญหา ถือยังไงก็กำไร ทำไปเรื่อยๆก็เคยชินเป็นนิสัย คราวนี้พอตลาดกลับใจ เป็นขาลง ทีนี้ละครับ ติดดอยกันเป็นแถวครับ

ทั้งหมดนี้คือ ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อเร่งทำกำไร เหมือนเป็นคันเร่งของรถยนต์ เร่งอย่างเดียว ไม่เพื่อว่าเกิดรถไถล ไปแล้วจะเป็นอย่างไร มีอะไรป้องกันหรือเปล่า

คราวนี้มาดูกันอีกมุมนะครับ สำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์มากๆ คือ  ล้างพอร์ตมานับไม่ถ้วนก็เริ่มเข้าใจว่า สิ่งที่ต้องระวัง และดูให้ดีก็คือ การหา เข็มขัดนิรภัย มาช่วยป้องกัน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แทนที่เขาจะหาทางทำกำไรให้สูงสุด เขาจะหาทางป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแทนครับ สิ่งที่เขาจะทำก็คือสร้างระบบ ขึ้นมาระบบหนึ่ง ซึ่งไม่เน้นทำกำไรสูงสุด แต่ไปตามแต่ที่ตลาดจะให้ แต่เน้นสำคัญก็คือ เมื่อผิดทางจะหนีอย่างไร และหนีแค่ไหนถึงจะปลอดภัย คราวนี้พอเราได้ระบบแล้ว ก็เพียงแค่ ทำตามระบบไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลว่า จะล้างพอร์ต หรือ ติดดอย และเมื่อตลาดเป็นใจ เราก็ได้กำไรใกล้ๆกับ ตลาด พอตลาดไม่เป็นใจเราก็หนีออกมาก่อน ไม่เสียไปตามตลาด สุดท้ายในระยะยาวๆ เราก็ปลอดภัย ได้กำไรสบายๆครับ

ไว้จะลองหาภาพมาใส่ให้เห็นภาพนะครับ สรุปก็คือ สำคัญมากสำหรับการเป็นเทรดเดอร์ ก็คือการบริหารความเสี่ยง นะครับ ไม่ใช่เสี่ยงเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด

ขอให้เทรดมีกำไรทุกคนครับ

1 ความคิดเห็น: